Review & Share ประสบการณ์ ถ่าย Prewedding ที่ ปารีส กับ JAKAWIN & BOX WEDDING

เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา แอดมินได้มีโอกาสไปทำงานที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกับคุณ JAKAWIN เพื่อไปถ่ายภาพ Pre-Wedding และ ภาพวีดีโอ Presentation ให้กับลูกค้า 2 คู่ค่ะ นอกจากแอดมิน และคุณ JAKAWIN แล้ว ก็มีช่างภาพ Video Cinema อีกคน และช่างแต่งหน้ารวมแล้วทีมเราก็มี 4 คนจ้า และคู่บ่าวสาวอีก 2 คู่ แอดมินก็เลยอยากจะมาเล่าถึงประสบการณ์ในการเดินทางไปทำงานที่ต่างแดน ร่วมถึงทริคเล็กๆน้อยๆ สำหรับผู้ที่อยากจะไปเที่ยว และเก็บภาพสวยๆของเมืองปารีส

image003image001

มาเริ่มที่วันแรกกันเลยดีกว่า วันนั้นแอดมินและทีมงาน ร่วมถึงลูกค้าคู่แรก ต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่เลย เพื่อไปเก็บภาพที่หอไอเฟล พร้อมถ่ายวีดีโอ Presentation ในชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาว ลูกค้าของเราต้องตื่นมาแต่งหน้ากันตั้งแต่ตี 4 ซึ่งเราต้องไปถึง Trocodero ก่อน 7 โมงเช้าค่ะ ถามว่าทำไมเราต้องไปถ่ายหอไอเฟลที่  Trocodero ด้วย ก็เพราะว่าที่ตรงนั้นเป็นที่สูงเป็นลานกว้าง เราสามารถมองเห็นหอไอเฟลได้ในมุมกว้าง รวมทั้งเห็นตัวเมืองอันสวยงามของปารีสด้วย ส่วนสาเหตุที่เราต้องรีบมากันแต่เช้ เพราะช่วงเช้าคนจะน้อยมากค่ะ และแสงตอนเช้าก็สวยมากด้วย แถมยังได้มีโอกาสเก็บภาพช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะคะ (ในวันนั้นพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 7 โมงครึ่ง)

แต่น่าเสียดายที่แอดมินไม่มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย เพราะพอเราไปถึงฝนก็ตกหนักมาก อากาศก็หนาวประมาณ 6 องศา แถมยังลมแรงสุดๆ ฟ้าก็ครึ้มมากเลย ทำให้เราทุกคนต้องหลบฝนกันก่อน รอฝนซา เพราะไม่งั้น Veil ที่เจ้าสาวสวมอยู่ต้องปลิวไปตามแรงลมแน่ๆ แต่ถึงแม้เราจะเจออุปสรรคเพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ แต่เราก็ยังได้ภาพสวยๆมาฝากทุกคนนะคะ

image007 image005

พอตกบ่ายเราก็ย้ายไปถ่ายกันที่ Shangri La Hotel Paris โรงแรม 5 ดาว กลางกรุงปารีส บ่าวสาวของเราพักที่โรงแรมนี้ เราจึงได้มีโอกาสไปถ่ายห้องพักซึ่งเป็น ห้อง Suite ของทั้งคู่ ความพิเศษของห้องนี้ก็คือ เป็นห้องที่มีระเบียงกว้างมองเห็นหอไอเฟล เป็นวิวที่สวยมากเลยค่ะ พอฟ้ามืดหอไอเฟลจะเปิดไฟทั้งหมด เราก็จะเห็นไฟระยิบระยับของหอไอเฟล โรแมนติกสุดๆไปเลย แอดมินก็ได้แต่จินตนาการไปว่า ถ้าได้มานั่งกับคนรัก นั่งกอดกัน จิบโกโก้ร้อนๆ อากาศเย็นๆ คงโรแมนติกสุดๆ^//^

image009

King-bedded Duplex Terrace Eiffel Tower View Suite

image011 image015 image013 image017

ช่วงที่แอดมินไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อน พระอาทิตย์ก็เลยตกช้ามาก ประมาณ 2 ทุ่มกว่าเลยค่ะ เราก็เลยรอเวลาให้ฟ้ามืดกันอยู่ที่โรงแรม จะบอกว่าแอดมินมีรูปถ่าย selfie กับหอไอเฟลตรงระเบียงของห้องที่โรงแรม Shangri La เยอะมากกกกก^^

image023 image019

ประมาณ 3 ทุ่มกว่า เราก็นั่ง Taxi ไปที่พิพิธภัณฑ์ Musée du Louvre กัน ซึ่งคุณ JAKAWIN บอกว่า “ที่นี่คือสถานที่ถ่ายรูปที่สวยที่สุดในความคิดของเค้า” ด้านในของพิพิธภัณฑ์ปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ แต่ด้านนอกจะปิดตอน 5 ทุ่ม ช่วงเวลาที่เรามาถ่ายกันเป็นประจำก็คือช่วง เกือบๆ 4 ทุ่มค่ะ เพราะคนจะน้อยแล้ว พอตกกลางคืนอากาศหนาวสุดๆ ลมแรงมากๆ ถ่ายกันไปตัวสั่นกันไปทั้งตากล้อง และบ่าวสาว โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวของเรา ที่ใส่ชุดราตรีเปลือยไหล่ แต่เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ เราทุกคนสู้ตายค่ะ!! หลังจากถ่ายที่ Musée du Louvre กันเสร็จ เราก็ไปหาอะไรทานกัน จากนั้นก็ตรงดิ่งกลับที่พักทันที เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาลุยกันต่อ สำหรับการทำงานในวันแรก สำหรับแอดมินแล้ว พูดได้เลยว่า นอกจากความประทับใจในความสวยงามของเมืองปารีสแล้ว การที่ได้มาทำงานไป ได้เที่ยวไปในตัวเป็นอะไรที่สนุกมากกกก จนไม่รู้สึกเหนื่อยเลย^^ทีมงานทุกคนต่างมุ่งมั่นและตั้งใจ เพื่อให้ผลงานของเราออกมาดีที่สุดค่ะ

image025


เข้าสู่วันที่ 2 ของการทำงาน วันนี้เราจะถ่ายกันที่ปารีสทั้งวันค่ะ ก็เลยเช่าเหมารถตู้ให้คอยรับส่ง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ตกชั่วโมงละ € 45 ค่ะ แต่อยากให้ระวังกันด้วยนะคะ สำหรับใครที่คิดจะเช่ารถขับเอง หรือเช่าเหมารถตู้ ถ้าไม่มีคนของเราเฝ้ารถ ให้นำของมีค่าติดตัวลงไปด้วยนะคะ คุณ JAKAWIN ก็เข็ดจากคราวที่แล้วมากๆ เพราะเมื่อปีที่แล้ว เราก็มาทำงานที่ปารีสเหมือนกัน ทุกคนก็เอาของเก็บไว้ในรถ แล้วก็ลงไปทานข้าวกัน ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่พอกลับมาที่รถ ภาพที่เห็นทำให้ช็อคเข่าอ่อนกันไปตามๆกัน เพราะกล้องทุกตัว เลนส์ทุกอัน อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกล้องทุกอย่างมูลค่ากว่าล้านบาท ถูกโจรทุบรถขโมยไปหมดเลยค่ะ ขากลับไทยเดินตัวปลิวกันทุกคน T_T พอมารอบนี้เลยระวังกันมาก ถือกล้องติดตัวตลอดไม่ปล่อยเลย 555

แล้วก็ขอฝากอีกนิดนึงนะคะ ใครที่จะมา Shopping ที่ถนน Champs Élysées เพราะที่ไหนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ พวกมิจฉาชีพก็จะเยอะตามไปด้วย ต้องระวังของมีค่าของเราให้เป็นอย่างดีเลยนะคะ มีอยู่วันหนึ่งที่เราว่างจากการทำงาน ก็เลยแว๊บไป Shopping กัน แอดมินก็มัวแต่เดินดูป้ายขึ้นลงรถไฟ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า จะมีใครจ้องจะขโมยของเราอยู่หรือเปล่า แต่คนที่โดนกลับเป็น ช่างภาพที่ไปด้วยกัน เพื่อนของแอดมินเองค่ะ ที่โดนล้วงกระเป๋าสะพาย เพื่อจะขโมยแว่นกันแดดไป แต่โชคดีสุดๆที่เพื่อนแอดมินหันไปเห็นก่อน เจ้าโจรฝรั่งคนนั้นก็เลยรีบทิ้งกล่องแว่นลงพื้น แล้วหนีไป ไวมากจริงๆ ตอนเพื่อนเล่าให้ฟังยังงงๆอยู่เลย ว่าตอนไหน เพราะเมื่อกี้ก็ดูปกติดีนะ 5555 แล้วก็ ถ้าจะซื้อของ Brandname ส่วนใหญ่ร้านเค้าก็จะมีบริการส่งถึงที่พัก แอดมินว่ามันเป็นบริการที่สะดวกและปลอดภัยมากเลยนะคะ เพราะถ้าเราถือถุงที่โชว์แบรนด์แพงๆ ก็อาจจะเป็นที่จ้องของพวกขโมยได้ หรือใครอจะพกถุงเก่าๆเน่าๆไปใส่ของก็ได้นะคะ แอดมินเห็นหลายคนเค้าก็ทำกัน ^^

เราเริ่มถ่ายกันประมาณบ่ายโมง ก็เลยได้ตื่นสายกัน สถานที่แรกของวันนี้ก็คือ ประตูชัย Arc de Triomphe ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนน Champs Élysées ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถนนที่สวยที่สุดในโลก” วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจค่ะ อากาศดีมาก ประมาณ 8 องศา ท้องฟ้ามีเมฆสวย มีแดด สำหรับแอดมินนะคะ ถ้าไม่มีลม ไม่มีฝน หนาวแค่ไหนก็ยังทนได้ค่ะ

image027

เทคนิคในการถ่ายของที่ใหญ่ๆ เช่น สถาปัตยกรรมใหญ่ๆ อย่างประตูชัย Arc de Triomphe เราต้องงัดกล้องขึ้น แล้วต้องให้แบบของเราก้มลงมาด้วยนะคะ เพราะจะได้ภาพที่สวยกว่าปกติ ซึ่งแอดมินก็มีภาพงัดขึ้นแบบคู่บ่าวสาวด้วยน้า อิอิทริปทำงานครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ 5555

image029

image031

ช่วงเย็นเราไปต่อกันที่โบถส์ Notre Dame ค่ะ แต่เราไปถ่ายกันด้านหลังของโบสถ์ เพราะว่าด้านหน้าตัวโบสถ์ คนจะเยอะมาก แอดมินแว๊บไปดูนิดนึง แทบจะไม่มีที่ยืนเลย ก็ฝากไว้สำหรับใครที่จะมาถ่ายภาพที่นี้ ด้านหลังของโบสถ์ เลียบคลอง จะมีที่โล่งอยู่ มาถ่ายกันได้นะคะ จะได้ภาพและมุมสวยไปอีกแบบค่ะ

image033

เราจบทริปของวันนี้กันด้วยหอไอเฟลตอนกลางคืน ซึ่ง Highlight อีก 1 อย่างของที่นี่ก็คือ ม้าหมุนตกกลางคืนแล้วทั้งหอไอเฟล และม้าหมุนจะเปิดไฟสวยมากๆเลย และถ้านาฬิกาตีเข็มไปที่เลข 12 เมื่อไหร่ ไอเฟลจะเปิดไฟระยิบระยับทั้งหลังเลยเป็นเวลา 5 นาที ตอนเห็นครั้งแรก แอดมิน กรี๊ดตื่นเต้นมากๆ หลงรักไอเฟลเป็นที่สุด ^

image037 image035


สำหรับการเดินทางมาฝรั่งเศสครั้งนี้ เราก็ไม่ได้อยู่กันแต่ในปารีสนะคะ แอดมินได้มีโอกาสไปนอกเมืองด้วยค่ะวันนี้เราจะไปถ่ายภาพกันที่ Domaine de Chantilly ณ เมือง Chantilly แคว้น Picardie ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆโดยรถส่วนตัว เมื่อมาถึงเราก็จะเจอกับ ปราสาท Chantilly เลย ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นของขุนนางชั้นสูงในประเทศฝรั่งเศส ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1484 โดยตระกูล Montnorencyแต่ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้ถูกยกให้กับสถาบันแห่งฝรั่งเศส (Institue de France) เป็นผู้ดูแลจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

image039

ปราสาทสวยมากกกกก ยั่งกะในเทพนิยายที่เราดูในหนังเลย โรแมนติกสุดๆ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สภาพอากาศใจร้ายกับเรามาก เพราะฝนตกทั้งวันเลยค่ะ อากาศก็ยังหนาวเช่นเคย ซึ่งสถานที่รอบๆปราสาท จะเป็นธรรมชาติมากๆ มีแม่น้ำ ลำธาร ต้นไม้ใบหญ้า พื้นเป็นพื้นดิน พอฝนตกมากๆเข้า ดินตรงนั้นก็กลายเป็นโคลน ชุดเจ้าสาวสีขาวสวยๆของเราก็เลยเปื้อนดินโคลนหมดเลย

image041

การถ่ายทำเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะฝนตกตลอดเวลา คุณ JAKAWIN และช่างภาพวีดีโอของเรา ก็ต้องคอยระวังไม่ให้น้ำฝนโดนกล้อง บวกกับอากาศที่หนาวมาก จนช่างภาพมือแข็งไปหมด ทำให้กดชัตเตอร์ลำบากนิดนึงค่ะ แอดมินก็ได้แต่เอาใจช่วยอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ (ลืมแนะนำไป แอดมินเป็น Creative Producer จ้า มีหน้าที่ทำ Script เรื่องราวของคู่บ่าวสาว และตารางการถ่ายทำทั้งหมด รวมทั้งคอยดูแลบ่าวสาว บวกกับเป็นผู้ช่วยช่างภาพอีกเล็กน้อยจ้า)

แต่คู่บ่าวสาวของเราก็สู้ไม่ถอยเลยค่ะ ไม่ว่าจะลุยน้ำ ลุยฝน ลุยโคลน ก็ไม่ปริปากบ่นเลย ยังยิ้มแย้มให้กับกล้องอยู่ตลอด ซึ่งเจ้าบ่าวของเรา ดูแลเจ้าสาวดีมากๆ คอยช่วยถือกระโปรง จัดกระโปรง ประคองเจ้าสาวดูแลกันตลอด จนแอดมินแอบอิจฉานิดๆเพราะอยากมีโม้เม้นแบบนี้บ้าง ฮ่าๆ

image043

นอกจากเมือง Chantilly แคว้น Picardie แล้วแอดมินก็ได้ไปเยือน  เมือง Honfleur (อ็งเฟลอร์) แคว้น Normandie อีกด้วยยยยยยยซึ่งตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียง แอดมินตื่นเต้นมากกกบอกเลออออ 5555 ที่จะได้ไปเที่ยวเอ่อ…อ ทำงานเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไรบ้าง อิอิ

image045

วันนี้ตื่นเช้ามาท้องฟ้าสดใสมาก เมฆสวยเต็มท้องฟ้าเลย อากาศโล่งปลอดโปร่งสุดๆ เราเดินทางกันด้วยรถไฟเพื่อข้ามเมือง จริงๆแอดมินก็ศึกษาเส้นทางมาแล้วนะคะ ว่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงแต่พอเอาเข้าจริงๆ มันมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่างมากเลย ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ล่าช้ากว่าที่คิด เช่น รอบของรถไฟ รอบของบัสที่จะนั่งไปเมือง Honfleur พูดถึงรถไฟที่เรานั่งกัน เราซื้อตั๋ว เที่ยวแรก คือ 10.35 น. ประมาณ 10.10 น. พวกเราก็ไปรอรถไฟกัน เพื่อจะหาที่นั่ง ปรากฏว่า ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่า T^T พอนึกภาพว่าต้องยืนกันตลอด 2 ชั่วโมง ก็เข่าอ่อนแล้ว 55555 จริงๆพวกเราก็เคยนั่งรถไฟข้ามเมืองในต่างประเทศมาแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าจะซื้อตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง แล้วไปถึงช้า จนต้องนั่งแยกกันบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีที่ให้นั่งจริงๆนะ T^T สุดท้ายเราก็เลยนั่งพื้นกัน 55555 เพราะฝรั่งที่เค้าไม่มีที่นั่ง ก็นั่งพื้นกันหมดเลยค่ะ ก็ถือเป็นบทเรียนว่า ถ้าจะนั่งรถไฟข้ามเมือง ต้องรีบมาต่อแถวรอขึ้นรถไฟล่วงหน้าซัก 40 นาที ละกันนะคะ

image049 image047

และแล้วก็มาถึงจนได้ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง ยังไม่ทันทำงานเลย ก็เหนื่อยแล้ว ^^” แต่พอเห็นเมืองแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เมือง  Honfleur เป็นเมืองที่สวยม๊ากกกทั้งสวย ทั้งโรแมนติค อากาศดี สุดยอด เลิฟมากก

image051

Signature ของที่นี่ก็คืออ่าว Vieux Basin เป็นท่าเรือเก่า ที่มีเรือยอร์ช รายรอบและอาคาร สวยๆ สวยสุดจะบรรยาย รอบๆอ่าวคือร้านอาหาร  ส่วนของขึ้นชื่อก็คือ อาหารทะเลสดๆแอดมินไปทานหอยแมลงภู่มา อร่อยม๊ากกกก น้ำตาจะไหล เค้าใส่ซอสอะไรไม่ทราบ จิ้มทานกับเฟร็นฟรายอร่อยสุดๆไปเลย พูดละยังอยากทานอีกจัง 5555

image053

เมือง Honfleur เป็นเมืองเก่าแก่ทั้งเมือง อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ถนนหิน ป้อมปราการเก่า และโบสถ์ไม้สมัยศตวรรษที่ 15ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส สวยโรแมนติคสุดๆ แต่เราก็มีเวลาถ่ายภาพ และชื่นชมเมืองนี้ได้ไม่นานค่ะ เพราะต้องรีบไปขึ้นบัสกลับปารีส แต่คราวนี้เราไปถึงไว ก็เลยมีที่นั่งกันทุกคน ทริปตะลุยต่างแดนคราวนี้ เราทำงานกัน 6 วันเต็มๆ แอดมินได้ประสบการณ์ดีๆ พร้อมภาพสวยๆกลับบ้านไปเยอะมาก ฮ่าๆๆสำหรับวันนี้เราก็จบทริปในวันสุดท้ายไปอย่างราบรื่นสวยงา พรุ่งนี้เป็นวัน Free Day เราจะไปตะลุย Disneyland Paris กันนน!! เย้ๆ ^____^

image055


และแล้ววันที่แอดมินตื่นเต้นและรอคอยมาตลอดก็มาถึง จากกรุงปารีสใช้เวลาเดินทางมา Disneyland ประมาณ 1 ชั่วโมง เราซื้อบัตรแบบ 2 Park 1 Day ค่ะ ใน 1 วัน สามารถเล่นได้ทั้ง 2 Park เลยค่ะ

image057

Park แรกที่เราไปเล่นกันก็คือ Walt Disney Studio ซึ่งจะเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว อาทิรถไฟเหาะ (Roller Coaster), The Twilight Zone Tower of Terror และพวกการแสดงผาดโผน สตั้นโชว์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น แอดมินก็ประเดิมที่เครื่องเล่นไวกิ้งเลยเสียวสนุกมากกรี๊ดกันมันสะใจ แล้วก็ไปต่อด้วยรถไฟเหาะกันอีก 2 รอบ  ข้อดีอย่างเห็นได้ชัดคือ แถวที่นี่สั้นมาก ใช้เวลาต่อแถวประมาณ 20-30 นาทีเอง ถ้าเทียบกับที่ Tokyo Disneyland แล้ว ที่นั่นเครื่องเล่นเทพๆต่ำๆก็รอกัน 120 – 180 นาทีแล้ว รอกันหลับไปเลยทีเดียว 5555

image059

พอตกค่ำ (ทุ่มนึงแล้ว ท้องฟ้ายังไม่มืดเลย)เราก็ไปต่อกันที่ Disney Land Park กัน ซึ่งส่วนนี้เน้นการตกแต่งประดับประดาให้สวยงาม ซึ่งจุดไฮไลท์ ก็คงหนีไม่พ้น ประสาทของเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ Disneyland และยังมีขบวนพาเหรดที่ต้องดูตารางเวลาว่ามีช่วงกี่โมงบ้าง ซึ่งแอดมินพลาดทุกขบวนเลยค่ะ ฮือออออ!! เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ T__T เพราะมัวแต่ไปต่อแถวเล่นรถไฟเหาะกัน เลยลืมเวลาไปเลย แต่ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันมาจากวันก่อนๆแล้ว เดินกันไม่ค่อยไหว แอดมินเองใจสู้ก็จริง แต่เท้าก็เริ่มไม่ขยับแล้ว 5555 ก็อยู่รอจนถึง สามทุ่มครึ่งเพื่อดูการแสดงตอนกลางคืน มีจุดพลุ ยิ่งใหญ่อลังการ ตรงปราสาทเจ้าหญิงนิทราสวยงามดีสุดๆ แอดมินยืนดูอ้าปากค้างตลอด 30 นาทีเลย 5555

image061

ขอบคุณคุณ JAKAWIN ที่มอบโอกาสดีๆให้กับแอดมินได้มาเที่ยว เอ๊ย มาทำงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆครั้งนี้ด้วยนะคะ ^__^ ขอบคุณช่างภาพเพื่อนของแอดมินเองที่คอยช่วยเหลือ คอยอยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด และก็ขอบคุณลูกค้าทั้ง 2 คู่ ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณที่ไว้วางใจพวกเราทุกคนนะคะ  มั่นใจได้เลยว่าผลงานที่ได้จะต้องออกมาสวยและถูกใจแน่นอน และขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอ่านจนจบค่ะ

image063

credit ภาพ : JAKAWIN PHOTOGRAPHY 089 669 9665

produced by BOX WEDDING

Comments

comments